เรื่องราวของ ไมเคิล จอร์แดน ในฐานะนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโลกถูกเล่ามาแล้วหลายรอบทั้งในงานเขียน สารคดี หรือภาพยนตร์ ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนรู้จักเขาเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามมันมีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ จอร์แดน ทิ้งมงกุฎราชาแห่ง NBA แบบ ช็อกโลก เพราะบอกว่าเขา “หมดแพชชั่น” ช่วงเวลานั้นเขาหันหน้าไปหากีฬาอีกชนิดอย่าง “เบสบอล” และเป็นการเล่นแบบมืออาชีพเสียด้วย
ราชาแห่ง NBA เปลี่ยนสถานะสู่ผู้เล่นท้ายแถวของ MLB … ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง เกิดอะไรขึ้นกับ ไมเคิล จอร์แดน ในช่วงเวลานั้นบ้าง ?
การลาจากแบบช็อควงการ
“ที่สุดตลอดกาล” ที่ใช้กันมากมายในแทบทุกวงการ ณ เวลานี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความยิ่งใหญ่ของ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสชาวอเมริกันที่มีคุณสมบัติทุกข้อของความเป็นยอดนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น วินัย และไหวพริบ … ทุกอย่างที่คุณพอจะนึกออก
เขาลงเล่นออลสตาร์ 9 ครั้ง, คว้าแชมป์ทำแต้มสูงสุดประจำฤดูกาล 7 สมัย (เฉลี่ยมากกว่า 30.0 แต้มต่อเกมในแต่ละปี), ติดทีมยอดเยี่ยมของ เอ็นบีเอ 7 สมัย และติดทีมป้องกันยอดเยี่ยม 6 สมัย, MVP สองหน , เป็นผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปี 1 สมัย และที่สำคัญที่สุดคือเขาได้ครอบครองแหวนแชมป์สามครั้งติดต่อกัน นั่นคือประวัติย่อที่จอร์แดนทิ้งไว้เบื้องหลัง เมื่อเขาเลือกที่จะนำความสามารถของเขาไปเล่นเบสบอลแบบช็อกโลกในปี 1994
ตอนนั้น ไมเคิล จอร์แดน อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นพีคที่สุดในช่วงอาชีพของนักบาสเกตบอล ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ?
ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย แม้ปากคำของ ไมเคิล จอร์แดน จะยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพราะความฝันของคุณพ่อของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปี 1993 จนนำมาซึ่งการประกาศเลิกเล่นอย่างกะทันหัน
พ่อของเขาอยากให้ ไมเคิล จอร์แดน เป็นนักเบสบอลอาชีพ ซึ่งช่วงเวลาที่พ่อจากไป จอร์แดน กำลังสับสน เขาคิดว่าการไปเล่นเบสบอลคือทางเลือกที่ถูกต้อง เขาอิ่มตัวแล้วกับวงการบาสเกตบอล … ทางที่เขาเลือกเดินคือเส้นทางใหม่ที่เขาคิดว่าถูกต้อง
“ผมมาถึงจุดสุดยอดในอาชีพของผมแล้ว ผมแค่รู้สึกว่าผมไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกต่อไป ผมสูญเสียแรงจูงใจที่จะพิสูจน์บางอย่าง มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องออกจากเกมส์บาสเกตบอล ผมขอรีไทร์จากเกมส์บาสเกตบอล”
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าเหตุผลที่ จอร์แดน กล่าวมามันไม่น่าเชื่อถือมากพอ เพราะ จอร์แดน คือหนึ่งใน “แชมเปี้ยน” ที่มีลักษณะนิสัยและการปฏิบัติตัวที่แสดงถึงความหิวกระหายมาตลอด ได้ 1 จะเอา 2 ได้ 2 จะเอา 3 … นี่คือ จอร์แดน ที่หลายคนรู้จัก คำว่าอิ่มตัวสำหรับเขาพวกสื่อคิดว่ามันไม่เมคเซนส์เท่าไรนัก
มีการโยงเรื่องดังกล่าวไปในหลายทิศทางและที่หนาหูที่สุดคือว่ากันว่ามันเกี่ยวข้องกับ “การพนัน” ทุกคนรอบตัวของ จอร์แดน ทั้ง ชาร์ลส์ บาร์คลีย์, แมจิค จอห์นสัน, สก็อตตี้ พิพเพ่น หรือแม้แต่ ชัค เดลี่ เฮดโค้ชทีมชาติอเมริกาในโอลิมปิก หรือ “ดรีมทีม” ก็เคยออกมาพูดถึง จอร์แดน ในแง่นั้น … แล้วการพนันไปเกี่ยวข้องกับ จอร์แดน ในการไปเล่นเบสบอลได้อย่างไร ?
มีการผูกเรื่องดังกล่าวไปถึง เดวิด สเติร์น คอมมิชชันเนอร์มือทองของ NBA ในช่วงเวลาดังกล่าว ที่คาดว่าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการเป็นผีพนันของจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันที่ล้ำเส้นในแบบที่เขาไม่สามารถทำได้ นั่นคือ “การพนันบาสเกตบอล NBA” ที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้ผิดกฎอย่างชัดเจน ถ้าจอร์แดนทำเช่นนั้นจริงเขาจะต้องได้รับโทษทางวินัยร้ายแรง และจะเป็นประวัติติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
ทฤษฎีสมคบคิดจึงเกิดขึ้น โดยอ้างกันว่า สเติร์น ได้เสนอทางเลือกให้ จอร์แดน ประกาศรีไทร์ไปก่อน แล้วค่อยกลับมาอีกครั้งหลังเรื่องราวทั้งหมดเงียบไป…
ทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่เป็นเพียงข้อสงสัยเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรและใครจะคิดแบบไหน ที่สุดแล้ว จอร์แดน ก็ไปเล่นเบสบอลอาชีพจริง ๆ อย่างที่เรารู้กัน คำถามจากนั้นคือสุดยอดนักบาสอย่าง จอร์แดน ไปทำอะไรในลีกเบสบอล และเขาเก่งแค่ไหนกับการย้ายสายงานด้านกีฬาครั้งนี้ ?
จอร์แดน มาเล่น เบสบอล เพื่อ ?
จอร์แดน เซ็นสัญญาอย่างป็นทางการกับทีม ชิคาโก ไวท์ซ็อกซ์ ที่มีเจ้าของเดียวกันกับ ชิคาโก บูลส์ ต้นสังกัดสมัยยังเป็นนักบาสของเขา อย่าง เจอร์รี่ ไรน์สดอร์ฟ ซึ่งมองแล้วดูเป็นการสนับสนุนกันโดยตรงของคนที่เคยร่วมหัวจมท้ายและสร้างความสำเร็จด้วยกันมากก่อน แต่ว่าด้วยเรื่องฝีมือนั้น จอร์แดน เก่งขนาดไหนกันล่ะ ?
เอาเข้าจริง จอร์แดน เองก็เล่นกีฬามาหลากหลายชนิดตั้งแต่ยังเด็ก เขาเล่นเบสบอลจากการสนับสนุนของคุณพ่อ แต่ก็อย่างที่รู้กันหลังเข้าเรียนระดับมัธยม จอร์แดน ก็ต่อสายตรงมาทางบาสเกตบอลเพียว ๆ ดังนั้นประวัติการเล่นเบสบอลในช่วงวัยเรียนของเขาจึงแทบไม่ปรากฏในหน้าสื่อเลย ทางเดียวที่จะตัดสินฝีมือการเล่นเบสบอลของ จอร์แดน ก็คือ “ตอนที่เขาเป็นมืออาชีพ” นี่แหละ
ซึ่งหากจะวัดกันในระดับมืออาชีพก็คงต้องบอกว่า จอร์แดน ไม่ใช่นักเบสบอลที่ดีนัก เพราะเขาไม่ได้เล่นให้กับ ไวท์ซ็อกซ์ ในระดับ MLB หรือลีกสูงสุด แต่เขาถูกส่งไปเล่นให้ เบอร์มิงแฮม บารอนส์ ซึ่งเป็นทีมในเครือของ ไวท์ซ็อกซ์ ที่ลงเล่นในระดับ ไมเนอร์ลีก (ลีกรอง) เท่านั้น
สำหรับคนไทยเราที่ไม่ได้คลุกคลีกับเบสบอลนักก็ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า จอร์แดน นั้นอยู่ระดับค่อนล่างของวงการเลยก็ว่าได้ วัดกันง่าย ๆ จากเปอร์เซ็นต์การตีลูกของเขาที่ต่ำเพียงแค่ 20% เท่านั้น ถ้าจะให้เทียบกับผู้เล่นเก่ง ๆ ระดับแนวหน้าของลีกนั้นจะอยู่ที่ 30% หรือ .300 ขึ้นไป ขณะที่หากวัดกับยอดนักเบสบอลเหมือนกับที่ จอร์แดน เป็นในวงการบาส ชัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ไมค์ เทราท์ ผู้เล่นของ ลอสแอนเจลิส แองเจิลส์ หนึ่งในยอดฝีมือยุคปัจจุบันของ MLB ที่ทำสถิติตีได้ .305
เรียกได้ว่า จอร์แดน ห่างจากมือหวดอันดับต้นของวงการเบสบอลกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว … ถ้าไม่มีชื่อว่า ไมเคิล จอร์แดน พร้อมกับสถานะขวัญใจชาวอเมริกัน ยากมาก ๆ ที่ จอร์แดน จะไต่ไปถึงระดับเมเจอร์ลีกเบสบอล ดังนั้นคงไม่ใจร้ายเกินไปนักหากจะบอกว่าเขาไม่ใช่นักเบสบอลฝีมือดีเหมือนกับที่เขาเป็นในวงการบาสเกตบอล
อย่างไรก็ตามในความเป็น จอร์แดน คุณไม่สามารถดูถูกเขาได้เลย เพราะในความเป็น “นักเบสบอลโซนล่าง” แต่ระดับของ จอร์แดน ไม่ใช่โซนล่างขี้แพ้ เขายังคงเป็นนักสู้ ต่อให้เป็นมือบ๊วยก็เป็นมือบ๊วยแบบ “อันเดอร์ด็อก” ที่พยายามอย่างมากที่จะไล่ตามผู้คนที่ฝึกมาทั้งชีวิตในขณะที่เขามีเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น … และนี่คือคำบอกเล่าของผู้คนรอบข้างของ ไมเคิล จอร์แดน ในช่วงเวลาสั้น ๆ กับบทบาทนักเบสบอลของเขา
จอร์แดน เวอร์ชั่น อันเดอร์ด็อก
“ผมไม่คิดว่า ไมเคิล จอร์แดน จะทำทุกอย่างพังเละเทะ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาควรจะทำได้ดีกว่านี้” วอลต์ ฮริเนียก นักวิเคราะห์ของไวท์ซ็อกซ์ เอาเรื่องนี้มาเล่าภายหลัง ซึ่งมันก็น่าจะชัดเจนพอว่า จอร์แดน ยังห่างไกลกับคำว่า “เล่นดี” ไม่น้อย
ความพยายามที่จะไล่ตามเหล่ามืออาชีพที่ฝึกเบสบอลมาทั้งชีวิตของ จอร์แดน นั้นแม้จะเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่ยี่ห้อ จอร์แดน ซะอย่าง เรื่องความพยายามและความมุมานะของเขาถือว่าขึ้นชื่อเป็นโลโก้ติดตัวไปแล้ว
ในวันที่เป็นนักเบสบอล จอร์แดน ได้ถอดหัวโขนของการเป็นยอดสตาร์ NBA ของเขาออก ในวันแรก ๆ ที่เริ่มลงซ้อมเขาได้พบกับ ไมค์ ฮัฟฟ์ ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงระดับกลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นเป็นเบอร์ต้น ๆ โดยตามคิวคือทั้งคู่จะต้องเป็นคู่ซ้อมกัน ในฐานะรุ่นพี่ ฮัฟฟ์ ควรจะชิล ๆ กับสถานการณ์นี้ แต่พอน้องใหม่ของทีมคือ จอร์แดน เขาก็ยอมรับว่าเขาทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะสอนอะไรหรือเริ่มยังไงดี
ทว่า จอร์แดน ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะ เขาเข้าไปหา ไมค์ ฮัฟฟ์ แล้วพูดจาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ช่วยสอนวิธีเล่นที่ถูกต้องให้ผมหน่อย” นั่นคือสิ่งที่ จอร์แดน เปิดบทสนทนา เขาพร้อมเปิดใจรับฟังสิ่งใหม่อย่างตั้งใจตามคำบอกเล่าของ ฮัฟฟ์
“ให้ตายเถอะคุณเอ๋ย ไมเคิล จอร์แดน ถ่อมตัวแบบสุด ๆ ไปเลย ผมยังจำได้ วันนั้นนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลเดินตรงมาหาผม มองหน้าผม แล้วพูดถ้วยความสุภาพว่า ‘ช่วยสอนผมหน่อย'” ไมค์ ฮัฟฟ์
“โคตรจะประหลาดเลย ผมเป็นชาวชิคาโกตั้งแต่กำเนิด เคยเฝ้าดูเขาคว้าแชมป์มากมาย แต่เขาคนนั้นมาขอให้ผมสอนเขาขว้างลูกเบสบอลเชียวนะ”
ฮัฟฟ์ รับบทพี่เลี้ยงของ จอร์แดน ที่สอนตั้งแต่การจับลูก การขว้าง การสไลด์ และฝึกให้พร้อมในการยืนแต่ละตำแหน่ง ว่ากันว่า ฮัฟฟ์ เองได้ทำหน้าที่พี่เลี้ยงอย่างเต็มที่ จนผู้บริหารทีมที่เคยมีความคิดจะเทรดเขาไปให้ทีมอื่นต้องเปลี่ยนใจให้เขาอยู่กับทีมต่อเพื่อรับบทบาทพี่เลี้ยง
ฮัฟฟ์ ยังเล่าต่อว่าทุก ๆ การฝึกซ้อม ไมเคิล จอร์แดน กระตือรือร้นอย่างน่าเหลือเชื่อ การเป็นมืออาชีพคือตัวตนของเขา จอร์แดน มาถึงสนามก่อนใครเพื่อน ทุ่มทั้งตัวไม่มีเหยาะแหยะในการฝึก ทำเหมือนกับมันเป็นการแข่งจริง ๆ ความทุ่มเทของ จอร์แดน หลาย ๆ ครั้งทำให้ ฮัฟฟ์ ลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดไหน
ไม่ใช่แค่ ฮัฟฟ์ เท่านั้น ฮรีเนียก ที่เป็นโค้ชสอนตีลูกของ ไวท์ซ็อกซ์ ก็ยืนยันตรงกันว่า จอร์แดน นี่แหละที่พยายามมากกว่าใคร ตอนแรก ฮรีเนียก ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่า จอร์แดน จะมาทุ่มสุดตัว เขาสงสัยถึงขั้นถามต่อหน้า จอร์แดน ว่า “ถามจริง คุณจริงจังกับเบสบอลไหม ?” และ จอร์แดน ก็ตอบว่า “ผมจะฝึกให้ตายกันไปข้างเลย”
“จอร์แดน พูดแบบนั้นทำให้ผมเห็นความตั้งใจ ผมถามเขาว่า เอาล่ะ ถ้าคุณอยากได้ความช่วยเหลือ ผมมีเวลาสอนพิเศษคุณเพิ่มเติม แต่คุณต้องมาที่สนามซ้อมก่อน 7 โมงเช้า ถ้าคุณมาสายเพียงวินาทีเดียว … คุณหมดสิทธิ์เขาคลาสของผม” ฮรีเนียก กล่าว … ซึ่งแน่นอนว่า จอร์แดน ไม่เคยพลาดการซ้อมพิเศษของเขาเลยแม้แต่วันเดียว
“ถ้าทุกคนในทีมทุ่มเทและมีความหลงใหลเหมือนกับที่ เอ็มเจ เป็น เกมของเราจะต้องดีกว่านี้แน่” ฮรีเนียก ยอมรับในความมุ่งมั่นของจอร์แดน
จอร์แดน ซ้อมกลางแดดร้อนเปรี้ยงโดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เขาเอาจริงถึงขั้นที่ว่าแม้สื่อที่มาทำข่าวการซ้อมของเขาจะกลับหมดแล้ว แต่ จอร์แดน ก็ยังคงอยู่ในสนาม มองหาข้อบกพร่อง และพยายามปิดมันด้วยความอุตสาหะที่เขามี ทั้งหมดนี้คือคำบอกเล่าของทุก ๆ คนที่ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า จอร์แดน คือ จอร์แดน คนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แค่เปลี่ยนจาก บาสเกตบอล มาเป็น เบสบอล
“ความจริงมันออกจะโหดร้ายไปหน่อย ในโลกของการแข่งขันระดับสูงมันเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอ” ทอม เฮาส์ สตาฟโค้ชของทีมพูดถึงสิ่งที่ จอร์แดน ทำกับการเล่นเบสบอล
“เขากำลังพยายามที่จะไล่ตาม และเหนือไปกว่านั้นคือพยายามแข่งขันกับนักเบสบอลที่ตีลูกมาแล้วกว่า 350,000 ลูกตลอดชีวิต … เบสบอลเป็นเรื่องของการทำซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอ หาก จอร์แดน จะไล่ตามผู้เล่นเหล่านี้ให้ทัน ทางเดียวคือเขาต้องย้อนเวลากลับไปเรียนไฮสคูลและจริงจังกับเบสบอลตั้งแต่วันนั้น … ถ้าเป็นไปได้ผมกล้ารับรองเลยว่าด้วยทัศนคติที่ ไมเคิล จอร์แดน มี เขาจะสามารถทำเงินจาก เบสบอล ได้เท่ากับที่เขาทำเงินกับ บาสเกตบอล นั่นแหละ” ทอม เฮาส์ ว่าไว้เช่นนั้น และเป็นการสรุปถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ในวงการเบสบอลของ จอร์แดน ได้เป็นอย่างดี
ที่สุดแล้วอย่างที่หลายคนรู้กัน หลังจากมาพักใจกับเบสบอลช่วงสั้น ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จอร์แดน ก็กลับสู่วงการ NBA อีกครั้ง และระเบิดฟอร์มที่ดุเดือดเลือดพล่านราวกับได้รับการเติมเชื้อไฟครั้งใหญ่ของชีวิตมา
เบสบอล อาจจะไม่ใช่จุดที่แข็งแกร่งของเขา แต่มันก็ทำให้เขาละทิ้งจากความเป็นราชากลับมาสู่ความเป็นสามัญชนได้สักพัก มันทำให้เขาได้เข้าใจถึงคุณค่าของความพยายาม ความหลงใหล และที่สำคัญที่สุดคือได้เข้าใจว่ารสชาติของชัยชนะนั้นมันหอมหวานแค่ไหน…
ทุกอย่างคุ้มค่าที่จะแลก และนี่ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนอย่างแท้จริง